จตุกกนัย
1. โยคาวจรบุคคล เจริญมรรคปฏิปทา
เพื่อเข้าถึงรูปภูมิ สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว.
อธิบาย : ข้อความข้างบนนี้
ข้อ1.จะใช้แทนด้วยอักษร A ๑๓๙] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
ที่มีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์
1. โยคาวจรบุคคล เจริญมรรคปฏิปทา
เพื่อเข้าถึงรูปภูมิ สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว.
อธิบาย : ข้อความข้างบนนี้
ข้อ1.จะใช้แทนด้วยอักษร A ๑๓๙] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
ที่มีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์
ประกอบด้วย วิตก วิจาร มีปีติและ
สุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่ ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล.
[๑๔๐] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุทุติยฌาน
ที่มีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์
ที่มีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์
ภายในผ่องใส เพราะวิตกวิจารสงบ
จิตถึงความเป็นธรรมชาติ ผุดขึ้นดวงเดียว
ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุข
อันเกิดจากสมาธิ อยู่ในสมัยใด
อันเกิดจากสมาธิ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต
ปีติ สุข เอกัคคตา
สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์
ปัญญินทรีย์ มนินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์
สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ
สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ฯลฯ
สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ฯลฯ
ปัคคาหะ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น
หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด
มีอยู่ในสมัยนั้น
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ
[๑๔๑] ก็ขันธ์ ๔ อายตนะ ๒ ธาตุ ๒ อาหาร ๓ อินทรีย์ ๘ ฌานมีองค์ ๓ มรรคมีองค์ ๔
พละ ๗ เหตุ ๓ ผัสสะ ๑ ฯลฯ
ธัมมายตนะ ๑ ธรรมธาตุ ๑ มีในสมัยนั้น
พละ ๗ เหตุ ๓ ผัสสะ ๑ ฯลฯ
ธัมมายตนะ ๑ ธรรมธาตุ ๑ มีในสมัยนั้น
หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด
มีอยู่ในสมัยนั้น
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ [๑๔๒] สังขารขันธ์ มีอยู่ในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ผัสสะ เจตนา
ปีติ เอกัคคตา
สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์
สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ ชีวิตินทรีย์
สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ ฯลฯ
ปัคคาหะ อวิกเขปะ หรือนามธรรม
ที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น
เว้นเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์ นี้ชื่อว่า สังขารขันธ์ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ
[๑๔๓] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A และคลายปีติได้อีกด้วย
จึงเป็นผู้เพ่งโดยอุปบัติ
มีสติสัมปชัญญะอยู่
และเสวยสุขด้วยนามกาย
พระอริยะทั้งหลาย
ย่อมกล่าวสรรเสริญบุคคลนั้นว่า
เป็นผู้เพ่งโดยอุปบัติ มีสติอยู่เป็นสุข
ดังนี้ เพราะฌานใด บรรลุตติยฌานนั้น
ที่มีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต
สุข เอกัคคตา
สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์
ปัญญินทรีย์ มนินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์
สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ ฯลฯ
ปัคคาหะ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น
หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด
มีอยู่ในสมัยนั้น
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ
[๑๔๔] ก็ขันธ์ ๔ อายตนะ ๒ ธาตุ ๒
อาหาร ๓ อินทรีย์ ๘
ฌานมีองค์ ๒ มรรคมีองค์ ๔
พละ ๗ เหตุ ๓ ผัสสะ ๑ ฯลฯ
ธัมมายตนะ ๑ ธรรมธาตุ ๑ มีในสมัยนั้น
หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด
มีอยู่ในสมัยนั้น
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ
[๑๔๕] สังขารขันธ์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ผัสสะ เจตนา
เอกัคคตา
สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สมาธินทรีย์
ปัญญินทรีย์ ชีวิตินทรีย์
สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ ฯลฯ
ปัคคาหะ อวิกเขปะ หรือนามธรรมที่อิงอาศัย
เกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น
เว้นเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์
นี้ชื่อว่า สังขารขันธ์ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล.
[๑๔๖] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุจตุตถฌาน
ที่มีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์
ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขและทุกข์ได้
เพราะโสมนัสและโทมนัสดับสนิทใน
ก่อน มีสติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขาอยู่ ในสมัยใด
ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต
อุเบกขา เอกัคคตา
สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์
ปัญญินทรีย์ มนินทรีย์ อุเบกขินทรีย์ ชีวิตินทรีย์
สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ ฯลฯ
ปัคคาหะ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้นหรือนามธรรม
ที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ
[๑๔๗] ก็ขันธ์ ๔ อายตนะ ๒ ธาตุ ๒
อาหาร ๓ อินทรีย์ ๘
ฌานมีองค์ ๒ มรรคมีองค์ ๔
พละ ๗ เหตุ ๓ ผัสสะ ๑ ฯลฯ
ธัมมายตนะ ๑ ธรรมธาตุ ๑ มีในสมัยนั้น หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด
มีอยู่ในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ
[๑๔๘] สังขารขันธ์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ผัสสะ เจตนา
เอกัคคตา
สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์
สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ ชีวิตินทรีย์
สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ ฯลฯ
ปัคคาหะ อวิกเขปะ หรือนามธรรม ที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น
เว้นเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์ นี้ชื่อว่า สังขารขันธ์ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. จตุกกนัย จบ -------------
[๑๔๙-๑๖๑] กด 👉 ปัญจกนัย
[๑๖๒-๑๗๗] กด 👉 ปฏิปทา ๔ (แบบ๑)
- ปฏิปทา ๔ ข้อ ๑๖๒ ถึงข้อ ๑๖๖
- อารมณ์ ๔ ข้อ ๑๖๗ ถึงข้อ ๑๗๑
- แจกฌานอย่างละ ๑๖ ข้อ ๑๗๒ ถึงข้อ ๑๗๖
- กสิณ ๘ แจกอย่างละ ๑๖ข้อ ๑๗๗
[๑๗๘-๑๘๒] กด 👉 ปฏิปทา ๔ (แบบ ๒)
[๑๗๘] อภิภายตนะ
[๑๗๙] ปฏิปทา ๔
[๑๘๐] อารมณ์ ๒
[๑๘๑] แจกฌานอย่างละ ๘
[๑๘๒] อภิภายตนะแม้นี้ก็แจกอย่างละ ๘
[๑๘๓-๑๘๘] กด 👉 ปฏิปทา ๔ (แบบ ๓)
[๑๘๓]
[๑๘๔] ปฏิปทา ๔
[๑๘๕] อารมณ์ ๒
[๑๘๖] แจกฌานอย่างละ ๘ อีกอย่างหนึ่ง
[๑๘๗] อภิภายตนะแม้นี้ ก็แจกอย่างละ ๘
[๑๘๘] อภิภายตนะแม้เหล่านี้ ก็แจกอย่างละ ๑๖
[๑๘๙] กด Link 👉 วิโมกข์ ๓
[๑๙๐] กด Link 👉 พรหมวิหารฌาน ๔
[๑๙๑] กด Link 👉 อสุภฌาน ๑๐
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ [๑๔๒] สังขารขันธ์ มีอยู่ในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ผัสสะ เจตนา
ปีติ เอกัคคตา
สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์
สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ ชีวิตินทรีย์
สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ ฯลฯ
ปัคคาหะ อวิกเขปะ หรือนามธรรม
ที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น
เว้นเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์ นี้ชื่อว่า สังขารขันธ์ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ
[๑๔๓] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A และคลายปีติได้อีกด้วย
จึงเป็นผู้เพ่งโดยอุปบัติ
มีสติสัมปชัญญะอยู่
และเสวยสุขด้วยนามกาย
พระอริยะทั้งหลาย
ย่อมกล่าวสรรเสริญบุคคลนั้นว่า
เป็นผู้เพ่งโดยอุปบัติ มีสติอยู่เป็นสุข
ดังนี้ เพราะฌานใด บรรลุตติยฌานนั้น
ที่มีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต
สุข เอกัคคตา
สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์
ปัญญินทรีย์ มนินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์
สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ ฯลฯ
ปัคคาหะ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น
หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด
มีอยู่ในสมัยนั้น
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ
[๑๔๔] ก็ขันธ์ ๔ อายตนะ ๒ ธาตุ ๒
อาหาร ๓ อินทรีย์ ๘
ฌานมีองค์ ๒ มรรคมีองค์ ๔
พละ ๗ เหตุ ๓ ผัสสะ ๑ ฯลฯ
ธัมมายตนะ ๑ ธรรมธาตุ ๑ มีในสมัยนั้น
หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด
มีอยู่ในสมัยนั้น
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ
[๑๔๕] สังขารขันธ์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ผัสสะ เจตนา
เอกัคคตา
สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สมาธินทรีย์
ปัญญินทรีย์ ชีวิตินทรีย์
สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ ฯลฯ
ปัคคาหะ อวิกเขปะ หรือนามธรรมที่อิงอาศัย
เกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น
เว้นเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์
นี้ชื่อว่า สังขารขันธ์ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล.
[๑๔๖] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุจตุตถฌาน
ที่มีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์
ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขและทุกข์ได้
เพราะโสมนัสและโทมนัสดับสนิทใน
ก่อน มีสติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขาอยู่ ในสมัยใด
ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต
อุเบกขา เอกัคคตา
สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์
ปัญญินทรีย์ มนินทรีย์ อุเบกขินทรีย์ ชีวิตินทรีย์
สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ ฯลฯ
ปัคคาหะ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้นหรือนามธรรม
ที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ
[๑๔๗] ก็ขันธ์ ๔ อายตนะ ๒ ธาตุ ๒
อาหาร ๓ อินทรีย์ ๘
ฌานมีองค์ ๒ มรรคมีองค์ ๔
พละ ๗ เหตุ ๓ ผัสสะ ๑ ฯลฯ
ธัมมายตนะ ๑ ธรรมธาตุ ๑ มีในสมัยนั้น หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด
มีอยู่ในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ
[๑๔๘] สังขารขันธ์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ผัสสะ เจตนา
เอกัคคตา
สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์
สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ ชีวิตินทรีย์
สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ ฯลฯ
ปัคคาหะ อวิกเขปะ หรือนามธรรม ที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น
เว้นเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์ นี้ชื่อว่า สังขารขันธ์ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. จตุกกนัย จบ -------------
[๑๔๙-๑๖๑] กด 👉 ปัญจกนัย
[๑๖๒-๑๗๗] กด 👉 ปฏิปทา ๔ (แบบ๑)
- ปฏิปทา ๔ ข้อ ๑๖๒ ถึงข้อ ๑๖๖
- อารมณ์ ๔ ข้อ ๑๖๗ ถึงข้อ ๑๗๑
- แจกฌานอย่างละ ๑๖ ข้อ ๑๗๒ ถึงข้อ ๑๗๖
- กสิณ ๘ แจกอย่างละ ๑๖ข้อ ๑๗๗
[๑๗๘-๑๘๒] กด 👉 ปฏิปทา ๔ (แบบ ๒)
[๑๗๘] อภิภายตนะ
[๑๗๙] ปฏิปทา ๔
[๑๘๐] อารมณ์ ๒
[๑๘๑] แจกฌานอย่างละ ๘
[๑๘๒] อภิภายตนะแม้นี้ก็แจกอย่างละ ๘
[๑๘๓-๑๘๘] กด 👉 ปฏิปทา ๔ (แบบ ๓)
[๑๘๓]
[๑๘๔] ปฏิปทา ๔
[๑๘๕] อารมณ์ ๒
[๑๘๖] แจกฌานอย่างละ ๘ อีกอย่างหนึ่ง
[๑๘๗] อภิภายตนะแม้นี้ ก็แจกอย่างละ ๘
[๑๘๘] อภิภายตนะแม้เหล่านี้ ก็แจกอย่างละ ๑๖
[๑๘๙] กด Link 👉 วิโมกข์ ๓
[๑๙๐] กด Link 👉 พรหมวิหารฌาน ๔
[๑๙๑] กด Link 👉 อสุภฌาน ๑๐