1.โยคาวจรบุคคล เจริญมรรคปฏิปทา
เพื่อเข้าถึงรูปภูมิ
ไม่มีบริกรรมสัญญาในรูปภายใน
เห็นรูปภายนอกที่ไพบูลย์ ตั้งใจว่า
จะรู้จะเห็นครอบงำรูปนั้น
สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรม ทั้งหลายแล้ว.
2. ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล.
อธิบาย : ข้อความข้างบนนี้
ข้อ1.จะใช้แทนด้วยอักษร A
ข้อ2.จะใข้แทนด้วยอักษร B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน? A บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ
บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ
บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปัญจมฌาน ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B ------------------
ปฏิปทา ๔ [๑๘๔] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน? A บรรลุปฐมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน? A บรรลุปฐมฌาน
เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌานฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน ฯลฯ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ปฏิปทา ๔ จบ
--------------
อารมณ์ ๒
[๑๘๕] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน
มีกำลังน้อยมีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
อารมณ์ ๒ จบ
---------------
แจกฌานอย่างละ ๘ อีกอย่างหนึ่ง
[๑๘๖] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใด B.
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B.
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
แจกฌานอย่างละ ๘ อีกอย่าง จบ
----------------------------
[๑๘๗] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญมรรคปฏิปทา
เพื่อเข้าถึงรูปภูมิ ไม่มีบริกรรมสัญญา
ในรูปภายในเห็นรูปภายนอกที่ไพบูลย์
มีสีงามหรือมีสีไม่งาม ตั้งใจว่า
จะรู้จะเห็นครอบงำรูปนั้น สงัด-จากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
อยู่ในสมัยใด แล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญมรรคปฏิปทา
เพื่อเข้าถึงรูปภูมิ ไม่มีบริกรรมสัญญา
ในรูปภายในเห็นรูปภายนอกที่ไพบูลย์
ทั้งมีสีงามและมีสีไม่งาม ตั้งใจว่า
จะรู้จะเห็นครอบงำรูปนั้น
บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
อภิภายตนะแม้นี้ ก็แจกอย่างละ ๘
----------------------
[๑๘๘] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญมรรคปฏิปทาเพื่อ
เข้าถึงรูปภูมิ ไม่มีบริกรรมสัญญา
ในรูปภายในเห็นรูปภายนอกที่เขียว มีวรรณเขียว
เขียวแท้ มีรัศมีเขียว ตั้งใจว่า
จะรู้จะเห็นครอบงำรูปนั้น สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญมรรคปฏิปทา
เพื่อเข้าถึงรูปภูมิ ไม่มีบริกรรมสัญญา
ในรูปภายในเห็นรูปภายนอกที่เหลือง มีวรรณเหลือง เหลืองแท้ มีรัศมีเหลือง ฯลฯ เห็นรูปภายนอกที่แดง
มีวรรณแดง แดงแท้ มีรัศมีแดง ฯลฯ
เห็นรูปภายนอกที่ขาว มีวรรณขาว ขาวแท้ มีรัศมีขาว
ตั้งใจว่า จะรู้จะเห็นครอบงำรูปนั้น สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ อยู่ในสมัยใดแล้ว B
อภิภายตนะแม้เหล่านี้ ก็แจกอย่างละ ๑๖
-------------
เพื่อเข้าถึงรูปภูมิ
ไม่มีบริกรรมสัญญาในรูปภายใน
เห็นรูปภายนอกที่ไพบูลย์ ตั้งใจว่า
จะรู้จะเห็นครอบงำรูปนั้น
สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรม ทั้งหลายแล้ว.
2. ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล.
อธิบาย : ข้อความข้างบนนี้
ข้อ1.จะใช้แทนด้วยอักษร A
ข้อ2.จะใข้แทนด้วยอักษร B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน? A บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ
บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ
บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปัญจมฌาน ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B ------------------
ปฏิปทา ๔ [๑๘๔] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน? A บรรลุปฐมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน? A บรรลุปฐมฌาน
เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌานฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน ฯลฯ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ปฏิปทา ๔ จบ
--------------
อารมณ์ ๒
[๑๘๕] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน
มีกำลังน้อยมีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
อารมณ์ ๒ จบ
---------------
แจกฌานอย่างละ ๘ อีกอย่างหนึ่ง
[๑๘๖] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใด B.
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B.
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุปฐมฌาน
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
A บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังน้อย มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
มีกำลังมาก มีอารมณ์ไพบูลย์ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
แจกฌานอย่างละ ๘ อีกอย่าง จบ
----------------------------
[๑๘๗] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญมรรคปฏิปทา
เพื่อเข้าถึงรูปภูมิ ไม่มีบริกรรมสัญญา
ในรูปภายในเห็นรูปภายนอกที่ไพบูลย์
มีสีงามหรือมีสีไม่งาม ตั้งใจว่า
จะรู้จะเห็นครอบงำรูปนั้น สงัด-จากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
อยู่ในสมัยใด แล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญมรรคปฏิปทา
เพื่อเข้าถึงรูปภูมิ ไม่มีบริกรรมสัญญา
ในรูปภายในเห็นรูปภายนอกที่ไพบูลย์
ทั้งมีสีงามและมีสีไม่งาม ตั้งใจว่า
จะรู้จะเห็นครอบงำรูปนั้น
บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน ฯลฯ
อยู่ในสมัยใดแล้ว B
อภิภายตนะแม้นี้ ก็แจกอย่างละ ๘
----------------------
[๑๘๘] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญมรรคปฏิปทาเพื่อ
เข้าถึงรูปภูมิ ไม่มีบริกรรมสัญญา
ในรูปภายในเห็นรูปภายนอกที่เขียว มีวรรณเขียว
เขียวแท้ มีรัศมีเขียว ตั้งใจว่า
จะรู้จะเห็นครอบงำรูปนั้น สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ อยู่ในสมัยใดแล้ว B
ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญมรรคปฏิปทา
เพื่อเข้าถึงรูปภูมิ ไม่มีบริกรรมสัญญา
ในรูปภายในเห็นรูปภายนอกที่เหลือง มีวรรณเหลือง เหลืองแท้ มีรัศมีเหลือง ฯลฯ เห็นรูปภายนอกที่แดง
มีวรรณแดง แดงแท้ มีรัศมีแดง ฯลฯ
เห็นรูปภายนอกที่ขาว มีวรรณขาว ขาวแท้ มีรัศมีขาว
ตั้งใจว่า จะรู้จะเห็นครอบงำรูปนั้น สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ อยู่ในสมัยใดแล้ว B
อภิภายตนะแม้เหล่านี้ ก็แจกอย่างละ ๑๖
-------------