Skip to main content

อนภิชฌา-อัพยาปาทะ(โล..)​

[๒๓๔] อนภิชฌา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การไม่โลภ กิริยาที่ไม่โลภ ความไม่โลภ
ความไม่กำหนัด กิริยาที่ไม่กำหนัด
กิริยาที่ไม่กำหนัด ความไม่กำหนัด ความไม่เพ่งเล็ง กุศลมูลคืออโลภะ ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า​ อนภิชฌา มีในสมัยนั้น. [๒๓๕] อัพยาปาทะ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การไม่คิดประทุษร้าย กิริยาที่ไม่คิดประทุษร้าย ความไม่คิดประทุษร้าย ความไม่พยาบาท ความไม่คิดเบียดเบียน
กุศลมูลคืออโทสะ ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า อัพยาปาทะ มีในสมัยนั้น. [๒๓๖] สัมมาทิฏฐิ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ปัญญา กิริยาที่รู้ชัด ความวิจัย ความเลือกสรร ความวิจัยธรรม ความกำหนดหมาย ความเข้าไปกำหนด ความเข้าไปกำหนดเฉพาะ
ภาวะที่รู้ ภาวะที่ฉลาด ภาวะที่รู้ละเอียด
ความรู้แจ่มแจ้ง ความค้นคิด ความใคร่ครวญ
ปัญญาเหมือนแผ่นดิน ปัญญาเครื่องทำลายกิเลส ปัญญาเครื่องนำทาง ความเห็นแจ้ง ความรู้ชัด
ปัญญาเหมือนปฏัก ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ปัญญาเหมือนศาตรา ปัญญาเหมือนปราสาท
ความสว่างคือปัญญา แสงสว่างคือปัญญา
ปัญญาเหมือนประทีป ปัญญาเหมือนดวงแก้ว
ความไม่หลง ความวิจัยธรรม ความเห็นชอบ ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ อันเป็นองค์แห่งมรรค
นับเนื่องในมรรค ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า​ สัมมาทิฏฐิ มีในสมัยนั้น.
-​--------------------
[๒๓๗] หิริ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? กิริยาที่ละอายต่อการประพฤติทุจริต
อันเป็นสิ่งที่น่าละอาย
กิริยาที่ละอายต่อการประกอบ อกุศลบาปธรรมทั้งหลาย ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า หิริ มีในสมัยนั้น. [๒๓๘] โอตตัปปะ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
กิริยาที่เกรงกลัวต่อการประพฤติทุจริต
อันเป็นสิ่งที่น่าเกรงกลัว
กิริยาที่เกรงกลัวต่อการ ประกอบอกุศลบาปธรรมทั้งหลาย ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า โอตตัปปะ มีในสมัยนั้น.