มรรค มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ นี้ชื่อว่า มรรค
มีในสมัยนั้น.
[๒๑๖] สัมมาทิฏฐิ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ปัญญา กิริยาที่รู้ชัด ความวิจัย
ความเลือกสรร ความวิจัยธรรม
ความกำหนดหมาย ความเข้าไปกำหนด
ความเข้าไปกำหนดเฉพาะ ภาวะที่รู้
ภาวะที่ฉลาด ภาวะที่รู้ละเอียด
ความรู้แจ่มแจ้ง ความค้นคิด ความใคร่ครวญ ปัญญาเหมือนแผ่นดิน
ปัญญาเครื่องทำลายกิเลส
ปัญญาเครื่องนำทาง ความเห็นแจ้ง ความรู้ชัด ปัญญาเหมือนปฏัก ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละปัญญาเหมือนศาตรา
ปัญญาเหมือนปราสาท ความสว่างคือปัญญา แสงสว่างคือปัญญา ปัญญาเหมือนประทีป ปัญญาเหมือนดวงแก้ว ความไม่หลง
ความวิจัยธรรม
สัมมาทิฏฐิ ธรรมวิจัย สัมโพชฌงค์
อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้นอันใด
นี้ชื่อว่า สัมมาทิฏฐิ มีในสมัยนั้น.
[๒๑๗] สัมมาสังกัปปะ
มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ความตรึก ความตรึกอย่างแรง ความดำริ ความที่จิตแนบอยู่ในอารมณ์ ความที่จิต
แนบสนิทอยู่ในอารมณ์ ความยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ ความดำริชอบ
อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้นอันใด
นี้ชื่อว่า สัมมาสังกัปปะ มีในสมัยนั้น.
[๒๑๘] สัมมาวาจา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การงด การเว้น การเลิกละ
เจตนาเครื่องเว้น การไม่ทำ
การไม่ประกอบ การไม่ล่วงละเมิด
การไม่ล้ำเขต
การกำจัดต้นเหตุวจีทุจริต ๔ วาจาชอบ
อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สัมมาวาจา มีในสมัยนั้น.
[๒๑๙] สัมมากัมมันตะ
มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การงด การเว้น การเลิกละ
เจตนาเครื่องเว้น การไม่ทำ
การไม่ประกอบ การไม่ล่วงละเมิด
การไม่ล้ำเขต
การกำจัดต้นเหตุกายทุจริต ๓ การงานชอบ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สัมมากัมมันตะ มีในสมัยนั้น.
[๒๒๐] สัมมาอาชีวะ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การงด การเว้น การเลิกละ
เจตนาเครื่องเว้น การไม่ทำ
การไม่ประกอบ การไม่ล่วงละเมิด
การไม่ล้ำเขต
การกำจัดต้นเหตุมิจฉาชีพ การเลี้ยงชีพชอบ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สัมมาอาชีวะ มีในสมัยนั้น.
[๒๒๑] สัมมาวายามะ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การปรารภความเพียรทางใจ
ความขะมักเขม้น ความบากบั่น ความตั้งหน้า ความพยายาม ความอุตสาหะ ความทนทาน ความเข้มแข็ง ความหมั่น ความก้าวไปอย่างไม่ท้อถอย ความไม่ทอดทิ้งฉันทะ ความไม่ทอดทิ้งธุระ ความประคับประคองธุระ วิริยะ
วิริยินทรีย์ วิริยพละ ความพยายามชอบ
วิริยสัมโพชฌงค์
อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สัมมาวายามะ มีในสมัยนั้น.
[๒๒๒] สัมมาสติ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
สติ ความตามระลึก ความหวนระลึก
สติ กิริยาที่ระลึก ความทรงจำ
ความไม่เลื่อนลอยความไม่ลืม
สติ สตินทรีย์ สติพละ ความระลึกชอบ
สติสัมโพชฌงค์
อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สัมมาสติ มีในสมัยนั้น.
[๒๒๓] สัมมาสมาธิ ในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ความตั้งอยู่แห่งจิต ความดำรงอยู่แห่งจิต ความมั่นอยู่แห่งจิต ความไม่ส่ายไปแห่งจิต
ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต ภาวะที่จิตไม่ส่ายไป ความสงบแห่งจิต สมาธินทรีย์ สมาธิพละ ความตั้งจิตไว้ชอบ
สมาธิสัมโพชฌงค์
อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สัมมาสมาธิ มีในสมัยนั้น.
สภาวธรรมนี้ชื่อว่า มรรคมีองค์ ๕
มีในสมัยนั้น.
สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ นี้ชื่อว่า มรรค
มีในสมัยนั้น.
[๒๑๖] สัมมาทิฏฐิ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ปัญญา กิริยาที่รู้ชัด ความวิจัย
ความเลือกสรร ความวิจัยธรรม
ความกำหนดหมาย ความเข้าไปกำหนด
ความเข้าไปกำหนดเฉพาะ ภาวะที่รู้
ภาวะที่ฉลาด ภาวะที่รู้ละเอียด
ความรู้แจ่มแจ้ง ความค้นคิด ความใคร่ครวญ ปัญญาเหมือนแผ่นดิน
ปัญญาเครื่องทำลายกิเลส
ปัญญาเครื่องนำทาง ความเห็นแจ้ง ความรู้ชัด ปัญญาเหมือนปฏัก ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละปัญญาเหมือนศาตรา
ปัญญาเหมือนปราสาท ความสว่างคือปัญญา แสงสว่างคือปัญญา ปัญญาเหมือนประทีป ปัญญาเหมือนดวงแก้ว ความไม่หลง
ความวิจัยธรรม
สัมมาทิฏฐิ ธรรมวิจัย สัมโพชฌงค์
อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้นอันใด
นี้ชื่อว่า สัมมาทิฏฐิ มีในสมัยนั้น.
[๒๑๗] สัมมาสังกัปปะ
มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ความตรึก ความตรึกอย่างแรง ความดำริ ความที่จิตแนบอยู่ในอารมณ์ ความที่จิต
แนบสนิทอยู่ในอารมณ์ ความยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ ความดำริชอบ
อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้นอันใด
นี้ชื่อว่า สัมมาสังกัปปะ มีในสมัยนั้น.
[๒๑๘] สัมมาวาจา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การงด การเว้น การเลิกละ
เจตนาเครื่องเว้น การไม่ทำ
การไม่ประกอบ การไม่ล่วงละเมิด
การไม่ล้ำเขต
การกำจัดต้นเหตุวจีทุจริต ๔ วาจาชอบ
อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สัมมาวาจา มีในสมัยนั้น.
[๒๑๙] สัมมากัมมันตะ
มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การงด การเว้น การเลิกละ
เจตนาเครื่องเว้น การไม่ทำ
การไม่ประกอบ การไม่ล่วงละเมิด
การไม่ล้ำเขต
การกำจัดต้นเหตุกายทุจริต ๓ การงานชอบ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สัมมากัมมันตะ มีในสมัยนั้น.
[๒๒๐] สัมมาอาชีวะ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การงด การเว้น การเลิกละ
เจตนาเครื่องเว้น การไม่ทำ
การไม่ประกอบ การไม่ล่วงละเมิด
การไม่ล้ำเขต
การกำจัดต้นเหตุมิจฉาชีพ การเลี้ยงชีพชอบ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สัมมาอาชีวะ มีในสมัยนั้น.
[๒๒๑] สัมมาวายามะ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การปรารภความเพียรทางใจ
ความขะมักเขม้น ความบากบั่น ความตั้งหน้า ความพยายาม ความอุตสาหะ ความทนทาน ความเข้มแข็ง ความหมั่น ความก้าวไปอย่างไม่ท้อถอย ความไม่ทอดทิ้งฉันทะ ความไม่ทอดทิ้งธุระ ความประคับประคองธุระ วิริยะ
วิริยินทรีย์ วิริยพละ ความพยายามชอบ
วิริยสัมโพชฌงค์
อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สัมมาวายามะ มีในสมัยนั้น.
[๒๒๒] สัมมาสติ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
สติ ความตามระลึก ความหวนระลึก
สติ กิริยาที่ระลึก ความทรงจำ
ความไม่เลื่อนลอยความไม่ลืม
สติ สตินทรีย์ สติพละ ความระลึกชอบ
สติสัมโพชฌงค์
อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สัมมาสติ มีในสมัยนั้น.
[๒๒๓] สัมมาสมาธิ ในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ความตั้งอยู่แห่งจิต ความดำรงอยู่แห่งจิต ความมั่นอยู่แห่งจิต ความไม่ส่ายไปแห่งจิต
ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต ภาวะที่จิตไม่ส่ายไป ความสงบแห่งจิต สมาธินทรีย์ สมาธิพละ ความตั้งจิตไว้ชอบ
สมาธิสัมโพชฌงค์
อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สัมมาสมาธิ มีในสมัยนั้น.
สภาวธรรมนี้ชื่อว่า มรรคมีองค์ ๕
มีในสมัยนั้น.