[๘๒] พละ ๗ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
สัทธาพละ วิริยพละ สติพละ สมาธิพละ ปัญญาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ
[๔๐] สัทธาพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ศรัทธา กิริยาที่เชื่อ ความปลงใจเชื่อ
ความเลื่อมใสยิ่ง ศรัทธา สัทธินทรีย์
กำลังคือศรัทธา ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สัทธาพละ มีในสมัยนั้น.
[๔๑] วิริยพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การปรารภความเพียรทางใจ
ความขะมักเขม้น ความบากบั่น ความตั้งหน้า ความพยายาม ความอุตสาหะ ความทนทาน ความเข้มแข็ง ความหมั่น
ความก้าวไปอย่างไม่ท้อถอย
ความไม่ทอดทิ้งฉันทะ ความไม่ทอดทิ้งธุระ ความประคับประคองธุระ วิริยะ วิริยินทรีย์ กำลังคือวิริยะ
สัมมาวายามะ ในสมัยนั้น อันใด
ชนี้ชื่อว่า วิริยพละ มีในสมัยนั้น.
[๔๒] สติพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
สติ ความตามระลึก ความหวนระลึก
สติ กิริยาที่ระลึก ความทรงจำ
ความไม่เลื่อนลอย ความไม่ลืม สติ สตินทรีย์ กำลังคือสติ สัมมาสติ มีในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สติพละ มีในสมัยนั้น.
[๔๓] สมาธิพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ความตั้งอยู่แห่งจิต ความดำรงอยู่แห่งจิต ความมั่นอยู่แห่งจิต ความไม่ส่ายไปแห่งจิต
ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต ภาวะที่จิตไม่ส่ายไป ความสงบ สมาธินทรีย์ กำลังคือสมาธิ
สัมมาสมาธิ ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สมาธิพละ มีในสมัยนั้น.
[๔๔] ปัญญาพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ปัญญา กิริยาที่รู้ชัด ความวิจัย
ความเลือกสรร ความวิจัยธรรม
ความกำหนดหมาย ความเข้าไปกำหนด
ความเข้าไปกำหนดเฉพาะ ภาวะที่รู้
ภาวะที่ฉลาด ภาวะที่รู้ละเอียด
ความรู้แจ่มแจ้ง ความค้นคิด ความใคร่ครวญ ปัญญาเหมือนแผ่นดิน
ปัญญาเครื่องทำลายกิเลส
ปัญญาเครื่องนำทาง ความเห็นแจ้ง ความรู้ชัด ปัญญาเหมือนปฏัก ปัญญา ปัญญินทรีย์
กำลังคือปัญญา ปัญญาเหมือนศาตรา
ปัญญาเหมือนปราสาท ความสว่างคือปัญญา แสงสว่างคือปัญญา ปัญญาเหมือนประทีป ปัญญาเหมือนดวงแก้ว ความไม่หลง
ความวิจัยธรรม สัมมาทิฏฐิ ในสมัยนั้นอันใด นี้ชื่อว่า ปัญญาพละ มีในสมัยนั้น.
[๔๕] หิริพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
กิริยาที่ละอายต่อการประพฤติทุจริต
อันเป็นสิ่งที่น่าละอาย กิริยาที่ละอายต่อการประกอบอกุศลบาปธรรมทั้งหลาย ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า หิริพละ มีในสมัยนั้น.
[๔๖] โอตตัปปพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
กิริยาที่เกรงกลัวต่อการประพฤติทุจริตอันเป็นสิ่งที่น่าเกรงกลัว กิริยาที่เกรงกลัวต่อการ
ประกอบอกุศลบาปธรรมทั้งหลาย ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า โอตตัปปพละ มีในสมัยนั้น.
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า พละ ๗ มีในสมัยนั้น.
สัทธาพละ วิริยพละ สติพละ สมาธิพละ ปัญญาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ
[๔๐] สัทธาพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ศรัทธา กิริยาที่เชื่อ ความปลงใจเชื่อ
ความเลื่อมใสยิ่ง ศรัทธา สัทธินทรีย์
กำลังคือศรัทธา ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สัทธาพละ มีในสมัยนั้น.
[๔๑] วิริยพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การปรารภความเพียรทางใจ
ความขะมักเขม้น ความบากบั่น ความตั้งหน้า ความพยายาม ความอุตสาหะ ความทนทาน ความเข้มแข็ง ความหมั่น
ความก้าวไปอย่างไม่ท้อถอย
ความไม่ทอดทิ้งฉันทะ ความไม่ทอดทิ้งธุระ ความประคับประคองธุระ วิริยะ วิริยินทรีย์ กำลังคือวิริยะ
สัมมาวายามะ ในสมัยนั้น อันใด
ชนี้ชื่อว่า วิริยพละ มีในสมัยนั้น.
[๔๒] สติพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
สติ ความตามระลึก ความหวนระลึก
สติ กิริยาที่ระลึก ความทรงจำ
ความไม่เลื่อนลอย ความไม่ลืม สติ สตินทรีย์ กำลังคือสติ สัมมาสติ มีในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สติพละ มีในสมัยนั้น.
[๔๓] สมาธิพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ความตั้งอยู่แห่งจิต ความดำรงอยู่แห่งจิต ความมั่นอยู่แห่งจิต ความไม่ส่ายไปแห่งจิต
ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต ภาวะที่จิตไม่ส่ายไป ความสงบ สมาธินทรีย์ กำลังคือสมาธิ
สัมมาสมาธิ ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า สมาธิพละ มีในสมัยนั้น.
[๔๔] ปัญญาพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ปัญญา กิริยาที่รู้ชัด ความวิจัย
ความเลือกสรร ความวิจัยธรรม
ความกำหนดหมาย ความเข้าไปกำหนด
ความเข้าไปกำหนดเฉพาะ ภาวะที่รู้
ภาวะที่ฉลาด ภาวะที่รู้ละเอียด
ความรู้แจ่มแจ้ง ความค้นคิด ความใคร่ครวญ ปัญญาเหมือนแผ่นดิน
ปัญญาเครื่องทำลายกิเลส
ปัญญาเครื่องนำทาง ความเห็นแจ้ง ความรู้ชัด ปัญญาเหมือนปฏัก ปัญญา ปัญญินทรีย์
กำลังคือปัญญา ปัญญาเหมือนศาตรา
ปัญญาเหมือนปราสาท ความสว่างคือปัญญา แสงสว่างคือปัญญา ปัญญาเหมือนประทีป ปัญญาเหมือนดวงแก้ว ความไม่หลง
ความวิจัยธรรม สัมมาทิฏฐิ ในสมัยนั้นอันใด นี้ชื่อว่า ปัญญาพละ มีในสมัยนั้น.
[๔๕] หิริพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
กิริยาที่ละอายต่อการประพฤติทุจริต
อันเป็นสิ่งที่น่าละอาย กิริยาที่ละอายต่อการประกอบอกุศลบาปธรรมทั้งหลาย ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า หิริพละ มีในสมัยนั้น.
[๔๖] โอตตัปปพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
กิริยาที่เกรงกลัวต่อการประพฤติทุจริตอันเป็นสิ่งที่น่าเกรงกลัว กิริยาที่เกรงกลัวต่อการ
ประกอบอกุศลบาปธรรมทั้งหลาย ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า โอตตัปปพละ มีในสมัยนั้น.
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า พละ ๗ มีในสมัยนั้น.